1.กลุ่มผักพื้นบ้านที่มีแคลอรี่ต่ำ:
( ถ้ารับประทาน 100กรัม ร่างกายได้รับแคลอรี่ตามตัวเลขข้างล่าง)
-สายบัว รับประทาน100กรัมจะได้แคลอรี่ (6กรัม)
-ผำ รับประทาน100กรัมจะได้แคลอรี่ (7 กรัม)
-คูน รับประทาน 100กรัมจะได้แคลอรี่ (9กรัม)
-พริกหนุ่ม รับประทาน100กรัมจะได้แคลอรี่ (11กรัม)
-ตะลิงปลิง รับประทาน100กรัมจะได้แคลอรี่ (11กรัม)
(ตัวเลขในวงเล็บเป็นจำนวนกรัมของแคลอรี่) ขิงอ่อน (11) บวบหอม(12) ขาเขียด(13)
บวบงู (14) ผักขี้หูด(15) ยอดอ่อนฟักทอง(16) มะระขี้นกผลเล็ก(16) บวบเหลี่ยม(17)
ยอดอ่อนผักหนามผ(18) ใบผักแว่น(18) ถั่วพู(19) ผักปลัง(20) ผักกูดเขียว(22)
ขิงแก่(22) ขมิ้นขาว(22) หัวปลี หรือปลีกล้วย(25) แขยง(26) หน่อไผ่ตง(29)
หน่อไผ่ป่า(29) แมงลัก(30) ***
2.กลุ่มผักพื้นบ้านที่มีโปรตีนสูง:
(ถ้ารับประทาน100กรัมจะได้โปรตีนตามตัวเลขในวงเล็บ)
-ยอดชะอม รับประทาน100กรัมได้ (โปรตีน9.5กรัม)
-เมล็ดชะเนียงหรือลูกเนียง รับประทาน100กรัมได้ (โปรตีน8.8กรัม)
-ยอดกระถิน รับประทาน100กรัมได้ (โปรตีน8.4กรัม)
ยอดแค (โปรตีน8กรัม) ใบขี้เหล็ก (โปรตีน7.7กรัม) กระเฉด (โปรตีน6.4กรัม)
ยอดมะระ (โปรตีน5.8กรัม) ใบย่านาง (โปรตีน5.6กรัม) ใบชะพลู (โปรตีน5.4กรัม)
3. กลุ่มผักพื้นบ้านที่มีธาตุเหล็กสูง:
รับประทาน100กรัมจะ(ได้ธาตุเหล็กตามตัวเลขในวงเล็บ)
-ใบผักแว่น(ธาตุเหล็ก25.2มิลลิกรัม).......... -ใบแมงลัก(17.2มิลลิกรัม)-
ยอดมะกอก(9.9มก.) .....-ยอดกระถิน (9.2มก.) ..-ดอกโสน (8.2มก.)-
ใบชะพลู(7.6มก.)....... -มะเขือพวง (7.1มก).... -ใบขี้เหล็ก (5.8มก.)
-ผักกระเฉด (มีธาตุเหล็ก 5.3มก.)
4. กลุ่มผักพื้นบ้านที่มี ไฟเบอร์สูง
ส่วนที่รับประทานได้ 100กรัมจะได้รับไฟเบอร์ดังนี้
ใบแมงลัก รับประทาน100กรัม จะได้ไฟเบอร์ 8.2กรัม
ใบย่านางรับประทาน 100กรัม จะได้ไฟเบอร์ 7.9กรัม
มะขามฝักอ่อน 6.3กรัม....มะเขือพวง 6.1กรัม....พริกไทยอ่อน 6.1กรัม
ยอดชะอม 5.7กรัม....พริกขี้หนูเม็ดเล็ก 5.2กรัม....ผักกุ่มดอง 4.9กรัม
ใบชะพลู 4.6กรัม....ดอกขี้เหล็ก 4.3กรัม....ใบทองหลาง 4.1กรัม
ใบยอ 4.0กรัม.....ใบโสน 3.9กรัม......ยอดกระถิน 3.8กรัม
ใบขี้เหล็ก 3.7กรัม....ผลมะอึก 3.6กรัม
(ที่มา: งานวิจัยกองโภชนาการ,2524 กระทรวงสาธารณะสุข)
5. กลุ่มผักพื้นบ้านที่มีวิตามิน Aสูง
วิตามิน A,มีหน่วยเป็น iu ส่วนที่รับประทานได้ 100กรัมจะได้รับวิตามินA
ใบย่านาง 30,625 iu.....มะระยอดอ่อน 14,167iu....ผักแว่น 12,166 iu
ใบแมงลัก 10,666 iu.......ยอดชะอม 10,066 iu....ยอดผักเม็ก 9,667iu..
ยอดผักปลัง 9,316 iu.......ใบชะพลู 8,824 iu.....ใบตำลึง 8,608 iu ....
ใบผักหวานบ้าน 8,500 iu.....ดอกขี้เหล็ก 8,221 iu....ยอดกระถิน 7,883 iu
ใบขี้เหล็ก 7,625 iu ..........ยอดติ้ว 7,500 iu.........ใบชะมวง 7,333 iu..
ผักกูดเขียว 1,167 iu....ยอดผักหนาม 6,383 iu....ยอดสะเดา 6,375 iu....
ผักบุ้ง 6,326 iu........พริกไทยอ่อน 6,209 iu.......ผักกุ่มดอง 6,083 iu...
(ที่มา: งานวิจัยกองโภชนาการ,2524 กระทรวงสาธารณะสุข )
6. กลุ่มผักพื้นบ้านที่มีวิตามิน B1 สูง
ส่วนที่รับประทานได้ 100กรัม จะได้รับวิตามิน B1 เป็นมิลลิกรัม (มก.)
มะขามยอดอ่อน 1.18มก. .มะระยอดอ่อน 1.00 มก..มะกอกยอดอ่อน 0.96 มก..
ใบผักชีลาว 0.94 มก...ยอดผักหนาม 0.92 มก....พริกหนุ่ม 0.36 มก....
ผักกูดยอดอ่อน 0.34 มก..................ใบยอ 0.30 มก..................
7. กลุ่มผักพื้นบ้านที่มีวิตามิน B2สูง
ส่วนที่รับประทานได้ 100กรัมจะได้รับวิตามิน B2เป็นมิลลิกรัม (มก.)
ดอกขี้เหล็ก 3.26 มก.....ยอดอ่อนผักหวานบ้าน 1.65 มก...ยอดอ่อนกระโดน 0.88มก.
ใบขี้เหล็ก 0.69 มก.....ยอดติ้ว 0.67 มก.....ยอดผักเม็ก 0.60 มก........
ดอกโสน 0.40 มก.......ใบย่านาง 0.36 มก......ใบแมงลัก 0.35 มก.....
มะขามฝักอ่อน 0.34 มก..ยอดแค 0.33 มก..ยอดจิก 0.32 มก. กระชาย 0.30 มก.
(ที่มา: งานวิจัยกองโภชนาการ,2524. กระทรวงสาธารณะสุข)
8.กลุ่มผักพื้นบ้านที่มี วิตามิน B3สูง(Niacin ไนอะซีน)
ส่วนที่รับประทานได้ 100กรัมจะได้รับวิตามิน B3เป็นมิลลิกรัม (มก.)
ใบชะพลู 16.20 มก.....ยอดชะอม 8.50 มก........ผลมะแว้งเครือ 8.40 มก...
ใบยอ 7.20 มก..........ยอดกระถิน 5.40 มก..............ผลมะอึก 4.90 มก....
ใบทองหลาง 4.70 มก.....ใบตำลึง 3.80 มก....ยอดผักหวานบ้าน 3.60 มก...
กระชาย 3.50 มก..ยอดสะเดา 3.50 มก...ใบผักแว่น 3.40 มก.ยอดผักบุ้ง 3.20 มก.
9.กลุ่มผักพื้นบ้านที่มีวิตามิน C สูง
ส่วนที่รับประทานได้ 100กรัม จะได้รับวิตามินซีเป็นมิลลิกรัม (มก.)
พริกชี้ฟ้าเขียว 204 มก.....ยอดสะเดา 194 มก...มะระขี้นกไทยผลเล็ก 190 มก...
พริกหนุ่ม 188 มก.....ยอดกระโดน 216 มก.....ฝักขี้หูด 125 มก......
พริกชี้ฟ้าแดง 168 มก.....ผลสมอไทย 116 มก......ยอดมะระ 110 มก...
( มะขามบ้อม 1ผล จะมีวิตามินซี มากว่าส้ม 10 ผล)
( ที่มา: งานวิจัยกองโภชนาการ, 2524.กระทรวงสาธารณะสุข )
88888888888888888888888888888888888888888
10. กลุ่มพืชผักพื้นบ้านที่มีวิตามินและมีธาตุอาหารสูงมีคุณค่าทางยา
คุณค่าทางอาหารของส่วนที่รับประทานได้ (ต่อ 100กรัม)
(1) ผลกระกระเจ๊ยบเขียว:รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 72.7 มก.
รับประทาน 100กรัม จะได้รับธาตุเหล็ก 0.8มก.**วิตามินA789 iuยูนิต
**วิตามินบี1, 0.05มก.**วิตามินบี2, 0.05มก.**วิตามินซี 39.7มก.**
ผลอ่อนเป็นยาหล่อลื่น ใช้ในโรคหนองในได้
ใบกระเจี๊ยบเขียว: รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 209.3 มก.
**ธาตุเหล็ก 6.4มก.**วิตามินบี2, 0.34มก.
ใบกระเจี๊ยบเขียวใช้เป็นยากัดเสมหะ แก้ไอได้ดีมาก
(2).กระชาย: รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 31.7มก.
**ธาตุเหล็ก 1.8มก.**วิตามินบี1, 0.05มก.**วิตามินบี2, 0.10มก.**
วิตามินซี 4.1มก.**เหง้าใช้เป็นยาแก้ปวดมวน, แก้บิด,แก้ท้องอืด,ใจสั่น
(3).กะทือ: รับประทาน 100กรัมจะได้รับ แคลเซี่ยม 15.6มก.**
**ธาตุเหล็ก 0.4มก.**วิตามินบี1,0.01มก.**วิตามินบี2, 0.05มก.**
วิตามินซี 1.2มก.**หัวใช้เป็นยาขับลมแก้ปวดท้อง ,บำรุงน้ำนม
(4).ต้นกระเทียม: รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 98.0มก.
**ธาตเหล็ก 1.7มก.**วิตามินเอ 6744 iu(ยูนิต)**วิตามินบี1, 0.03มก.**
**วิตามินบี2, 0.10มก.**วิตามินซี 29.1มก.**
ใบ :ใช้เป็นยาทำให้เสมหะแห้ง, แก้จุกเสียดแน่นท้อง
ต่อ: หัวแห้งกระเทียม : รับประทาน100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 27.3มก.
**ธาตุเหล็ก 1.6มก.**วิตามินบี1,0.17มก.**วิตามินบี2, 0.02มก.**
วิตามินซี 11.3มก.*หัวใช้เป็นยาช่วยย่อยอาหาร ขับเสมหะ,
แก้กลากเกลื้อน, ช่วยขับลมในกระเพาะ และแก้จุกเสียดแน่นท้อง
(5).กะเพรา: รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 310มก.**
**ธาตุเหล็ก 2.2มก.*ใบและทั้งต้นใช้เป็นยาขับลม, แก้ท้องอืด,ท้องเฟ้อ,
(6).ข่า: รับประทาน 100กรัมจะได้รับธาตุเหล็ก 14.7มก.**
**ธาตุเหล็ก 1.3มก.**วิตามินบี1, 0.02มก.**วิตามินบี2,0.02มก.**
วิตามินซี 2.9มก.*เหง้าใช้เป็นยาขับลม, แก้ฟกบวม
(7).ขิง: รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 21.0มก.**
**ธาตุเหล็ก 0.5มก.**วิตามินบี1, 0.02มก.**วิตามินบี2,0.02มก.
เหง้าสดใช้เป็นยาแก้ลม,แก้จุกเสียด,เจริญอาหารได้ดี
เหง้าแห้งใช้เป็นยาแก้ลมจุกเสียด,แก้เสมหะ, บำรุงธาตุได้ดีมาก
(8).ขมิ้นชัน: รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 18.5มก.
**ธาตุเหล็ก 0.9มก.**วิตามินบี1, 0.02มก.**วิตามินบี2, 0.03มก.**
หัวขมิ้นชันใช้เป็นยาแก้ไอ,ขับลม,ใช้ภายนอกรักษาโรคผิวหนัง
(9).ใบขี้เหล็ก: รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 100.8มก.
**ธาตเหล็ก 0.3มก.**วิตามินบี2, 0.85มก.**วิตามินซี 74.0มก.**
ใบขี้เหล็กใช้เป็นยาแก้ระดูขาว,ใช้เป็นยาระบายได้ดี
ต่อ; ดอกขี้เหล็ก; รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 24.1มก.**
**ธาตุเหล็ก 1.6มก. **วิตามินบี2, 0.54มก.*วิตามินซี 397.8มก.(สูง)
(10).คึ้นฉ้าย: รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 234.2มก.
**ธาตุเหล็ก 3.3มก.**วิตามินเอ 4026 iu(ยูนิต)**วิตามินบี1,0.25มก.**
**วิตามินบี2, 0.17มก.**วิตามินซี 99.6มก.**
ทั้งต้นใช้เป็นยาขับลม, ขับปัสสาวะ,ขับระดู,ลดความดันโลหิต,เจริญอาหาร
(11).ดอกแค; รับประทาน 100กรับจะได้รับแคลเซี่ยม 14.8มก.**
**ธาตุเหล็ก 1.7มก.**วิตามินบี1, 0.10มก.**วิตามินบี2, 0.12มก.**
วิตามินซี 34.7มก.*เปลือกที่ต้นใช้เป็นยาแก้ท้องเดินได้ดี**
(12).ใบยอดชะอม: รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 46.7มก.
**ธาตุเหล็ก 2.7มก.**วิตามินเอ 3344 iu(ยูนิต)**วิตามินบี1, 0.35มก.
**วิตามินบี2, 0.36มก.**วิตามินซี 84.4มก.****
รากใช้เป็นยาแก้ท้องขึ้นท้องเฟ้อ, แก้ขับลมในท้องได้ดา
(13).ตะไคร้: รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 44.6มก.**
**ธาตุเหล็ก 3.6มก.**วิตามินเอ 27 iu.**วิตามินบี1,0.05มก.**
**วิตามินบี2 0.02มก.*ต้นตะไคร้ดับกลิ่นคาวได้ดี
ต้นตะไคร้ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ, บำรุงธาตุ, ยาเจริญอาหารได้ดี**
(14).ผลดิบตำลึง: รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 18.1มก**
**ธาตุเหล็ก 1.1มก.**วิตามินเอ 685 iu.**วิตามินบี1, 0.06มก.**
วิตามินบี2, 0.06มก.**วิตามินซี 9.1มก.*ใบใช้เป็นยาดับพิษร้อน
ใบตำลึงตำคั้นเอาน้ำทำเป็นยาแก้โรคตาได้ดี, ทำให้ตาใสขึ้น
ต่อ: ใบยอดอ่อนตำลึง: รับประทาน 100กรัมจะได้รับแคลเซี่ยม 58.7มก.*
**ธาตุเหล็ก 3.0มก.**วิตามินเอ 4563 iu.**วิตามินบี1, 0.17มก.**
วิตามินบี2, 0.13มก.**วิตามินซี 31.0มก.**
เถาของตำลึงใช้เป็นยาถอนพิษได้ดีมาก(ใช้ภายนอก)
(15).ฝักถั่วพู: รับประทานได้ 100กรัม จะได้รับแคลเซี่ยม 32.9มก.**
**ธาตุเหล็ก 3.7มก.**วิตามินบี1, 0.35มก.**วิตามินบี2, 0.14มก.**
ฝักและ เมล็ดถั่วพู ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง, แก้ไข้ร้อนใน
หัวของถั่วพูใช้เป็นยาชูลัง กินแล้วมีแรง มีกำลังดีมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น