จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

RORMYEN.BLOGSPOT.COM

RORMYEN.BLOGSPOT.COM

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552

ใช้ปัญญามองหาความจริง

พระพุทธองค์ทรง ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพาณ ,เกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไป คือสัจธรรมจริงแท้

พุทโธ แปลว่า : ผู้รู้, ผู้ตื่น, ผู้เบิกบาน,........
(1) ผู้รู้ คือ รู้สิ่งที่ควรรู้รู้จักตนเอง รู้จักโลก รู้จักธรรม
คือรู้จัก อริยสัจสี่ รู้จักทุกข์, รู้จักสมุทัย, รู้จักนิโรธ,
รู้จักมรรค,
(2) ผู้ตื่น คือ ตื่นจากความหลับ, ตื่นจากความงมงาย,
ตื่นจากความหลอกลวงที่โลกครอบงำที่กระตุ้นให้ผู้คนมีกิเลส
หนาตัณหาหนัก อย่างมากๆ อย่างรุนแรง อย่างจัดจ้าน
(3) ผู้เบิกบาน คือ ไม่หดหู่ ไม่แห้งเหี่ยว ไม่ท้อแท้
มีแต่สดใสชื่นบาน และเข้มแข็งจิตใจมั่นคง .

* ยึดหลักกาลามะสูตรไว้มั่น คือผู้มีปัญญาที่แท้จริง *
สมัยหนึ่งพระพุธเจ้าเสด็จถึง เกสปุตตนิคม
ถิ่นของชาวกะลามะ (ชนวรรณกษัตริย์พวกนหนึ่ง)
พวกกาลามะชาวเกสปุตตนิคมนั้นได้ทราบ..
จึงได้ไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลว่า
สมณพรหมณ์พวกหนึ่ง มาถึงเกสปุตตนิคมนี้
พูดเชิดชูแต่หลักคำสอนของตน พร้อมกับพูดข่มขี่
ดูถูก หลักคำสอนของพวกอื่นครั้นสมณพราหมห์
อีกพวกหนึ่ง มาถึงเกสปุตตนิคม ..........................
(ก็พูดอย่างเดียวกันนั้น)
พวกข้าพเจ้าจึงมีความสงสัยคลางแคลงใจ
ในบรรดาสมณพราหมห์ ผู้เจริญเหล่านั้น
ใครพูดจริงใครพูดเท็จ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
ตอบว่า เป็นการสมควรแล้วที่ท่าน จะสงสัย จะแคลงใจ
ความสงสัยของท่านทั้งหลาย เกิดขึ้นในเหตุที่ควรสงสัย
ท่านผู้เป็นชาวกะลามะทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย
1. อย่าปลงใจเชื่อ, โดยฟังตามๆ กันมา

2.อย่าปลงใจเชื่อ, โดยการถือสืบๆ กันมา
3.อย่าปลงใจเชื่อ, โดยการเล่าลือ
4. อย่าปลงใจเชื่อ, โดยการอ้างตำรา
5. อย่าปลงใจเชื่อ. โดยตรรก
6. อย่าปลงใจเชื่อ. โดยการอนุมาน

7. อย่าปลงใจเชื่, อ โดยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
8. อย่าปลงใจเชื่อ, เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน
9. อย่าปลงใจเชื่อ, เพราะมองเห็นรูปลักษณะ ท่าทางน่าเชื่อ

10. อย่าปลงใจเชื่อ, เพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา.
* เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า สิ่งเหล่านี้ไม่เกื้อกูล ใครยึดถือปฏิบัติแล้วจะ
เป็นไปเพื่อความเสียหาย เพื่อความทุกข์ เมื่อนั้นท่านทั้งหลายพึงละเสีย......
* เมื่อใดท่านท้ัั้งหลาย รู้ด้วยตนเองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของเกื้อกูล ใครยึดถือ
ปฏิบัติแล้วจะเป็นไป เพื่อประโยชน์เพื่อความสูขเมื่อนั้น ท่านทั้งหลายพึงถือ
ปฏิบัติให้ถึงพร้อม
******************************************************************************************************
* ดำรงค์ชีวิตอย่างผู้มีปัญญา *
ใช้ชีวิตอย่างมีสติ......หมั่นเพิ่มปัญญา.....................เข้าหาธรรมชาติ
ไม่ขาดความพอเพียง........ ที่เสี่ยงพึงหลีก..................ปลีกหาศีลธรรม
เดินนำกิเลส..........หาเหตุพัฒนาตน................................จืตใจไม่วกวน
ฝนขวายทำดี................มีมากน้ำใจ.................................คิดให้มากกว่า
มุ่งหน้ามีเป้าหมาย.........อย่าให้ใจตกต่ำ...............สิ่งระยำอย่าเข้าใกล้
ไม้อายการทำกิจ............. คิดแต่สร้างสรรค์................ขยันอย่างฉลาด
ไม่ขาดความเอื้อเฟื้อ...........พึงทำให้เหลือ...................ไม่เนเหยื่อนักล่า
เพิ่มปัญญาให้สูงส่ง ...........ดำรงค์สายกลาง................สร้างสุขได้ง่าย
*********************Byสุด เมืองสีนุน *********************
มองอดีต :
ในอดีตธรรมชาติ ดีมีแต่ให้..อยู่กันได้อย่างสะบาย กันทั่วหน้า
คนหญิงชายทำแต่ดี................................................... เป็นส่วนใหญ่
มีเงินน้อยแต่อยู่อย่างสุขกายสะบายใจ ไร้ทุกข์โศก..........โรคภัยน้อย
น้ำใจไมตรีมีให้กันมากมาย................... ความอุ่นใจหาได้...ไม่ยากเลย
มองปัจจุบัน, ยุคสมัยผู้คนมีกิเลสหนาตัณหาหนัก อย่างรุนแรงจัดจ้าน
ปัจจุบันแผ่นดินแยกแตกเป็นสอง...................ปกครองยาก
คนมักมากชั่วช้าคิดเป็นใหญ่..................................ในสังคม
แบ่งก๊กแบ่งกลุ่ม แบ่งพวกแบ่งพรรคลืม....................สามัคคี
ตัวอย่างเคยมีแต่ก่อนมาบทเรียนมีไว้ใน..........ประวัติศาสตร์
ชะตาเมืองขาดคนไทยเป็นข้าเสียสามัคคี.............ศรีอยุธยา
เป็นทาสพม่าอยู่ตั้งหลายปีกว่าจะกู้นครให้...........คงกลับคืน
ต้องทนขมขื่นหมดสิ้นศักดิ์ศรียังจำกันได้ใช่..........ใหมน้องพี่
อันความถือดีตัวใครตัวมันเหมือนกองกรวดทรายที่...ขาดน้ำแทรก
ก็จะแตกแยกความร้าวฉานเมื่อถูกศัตรูจู่...............เข้ารุกราน
ไม่อาจต้านทานได้....................................................ทันท่วงที
ณ ตอนนี้คนดีมีศีลธรรมมีแต่ต้องทำใจให้อภัย...............ไปวันๆ
ดูเขาทำกันอย่างต่ำช้าและสามานเกณน์การคน..........ปัญญาต่ำ
ให้มาเป็นเครื่องมืออย่างที่เห็น เช่นด้าม.................จอบด้ามขวาน
ทั้งสองอย่าง จอบและขวานใช้งานได้...........................ต้องใส่ด้าม
สร้างกระแสให้คนบาง คนมองข้าม...................................ความชั่วช้า
คิดเกมส์กลโกงกันลึกลับคนรู้ทันจับได้ก็ทำลายกันไม่คำนึง..ถึงเสียหาย
สร้างความป่วนกวนน้ำให้ขุ่นแค้นเคือง..................................ในสังคม
สร้างกลุ่มนิยมสังคมใหม่ทำคนส่วนใหญ่ในสังคม.........จมความทุกข์
ขาดสุขใจไม่มีตัวแทนที่แท้จริง มีแต่จิ้งจอก..................หลอกเรื่อยไป
สังคมโลกาภิวัฒน์นั้นปั่นป่วนทุกถ้วนทั่ว................................หัวระแหง
เพราะความรุนแรงของคนแย่งแข่ง.....................................กันรอบด้าน
คนทุนใหญ่มือยาวแย่งได้เยอะทำเลอะเทอะชั่วช้า.....................ข้าไม่สน
ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา ได้เงินตราล้นเกินเท่าไร.........................ก็ไม่พอ
สร้างวัตถุใหม่มาล่อคนใจแตกนำเงินตรามาแลก...................เป็นเจ้าของ
สร้างความทันสมัยใหม่ๆ หรูๆ และฟู่ฟ่าให้รู้สึกว่ามีระดับ.........นับว่าเด็ด
คนเรียนสูงปัญญาต่ำชี้นำง่าย สร้างความสะบายหรูดูดี...............มีสไตส์
สร้างแสงไฟสวยสดมาล่อใจมีแมงเม่ามากมายเข้ามาหา......อย่างถาถม
" มองอนาคตอันใกล้ "
อนาคตอันใกล้เข้ามาอย่างหน้าเศร้าเมื่อโลกเราเข้าใกล้...ภัยพิบัติ
สรรพสัตว์ต่างร้อนเร่าและเศร้าหมองวิกฤติร้ายกลุ้มรุม..ทุกมุมมอง
ความเรืองรองสวยสดค่อยหมดไปเหลียวแลดูโลกา..........น่าอนาถ
ป่าพินาศย่ำแย่เกินแก้ไขฝนก็แล้งน้ำก็หมด..........................สลดใจ
ความยากไร้นานาเริ่มมาเยือนเมื่อพินิจพิจารณา.............เรืองอาหาร
ทั้งคาวหวานคละระคนสารปนเปื่อนสารเคมีแทรกตัวทุก......ครัวเรือน
โลกจึงเหมือนขุมนรกอันวกวนผักต่างๆวางขาย..............หลายชนิด
เจือยาพิษฆ่าแมลงทุกแห่งหนดุจเพลิงทุกข์คุกคาม........ตามเผาลน
อายุคนเริ่มถดถอยเหลือน้อยลงทั้งโรงงานตามผจญ...ปล่อยมลพิษ
คร่าชีวิตราษฎรตายผ่อนส่งพัฒนาจนเวียนวก.................เข้ารกพง
คนก็หลงโลกสีดำว่าจำเริญเมื่อชาวโลกโง่ดักดาน.............ได้ปานนี้
ย่อมยินดีความระรื่นอันตื้นเขินชอบทำโลกให้ปั่นป่วน...ด้วยส่วนเกิน
ความยับเยินจักมาพลันมิทันนานขอชาวเราทั่วกัน.......อย่าสรรเสริญ
ความจำเริญชนิดอย่างที่ล้างผลาญอย่านิยมจมปลัก.........โง่ดักดาน
แต่ในการพัฒนาอันบ้าคลั่งความเจริญที่มีภัย..................จงไกลห่าง
รีบมาสร้างทางประเสริฐกันเถิดหนอทิ้งวัตถุนิยมเบื้องหลัง..อย่ารั้งรอ
ช่วยถักทอธรรมนิยม โลกร่มเย็น
อย่าให้เป็นเช่นนี้อีกนะเจ้าคนหนุ่มสาวหลงระเริง...กินกามเกียรติ
เรื่องเศร้าเร่าร้อน อารมแรงเครียดซีเรียสหนัก............มักเกิดบ่อย
แย่งงานกันทำ แย่งอำนาจกันเป็นใหญ่แย่งที่..................กันหากิน
แย่งถิ่นกันอยู่แย่งคู่กันพิศวาส.....................................อุบาทว์หนา
เรื่องต่ำๆน่าเกลียดน่าเดียจฉันเอากันมาทำเชิดชู....................ดูโก้เก๋
คนปัญญาต่ำทำตามอย่างกันถมเถไม่ลังเลไตร่ตรองพินิจ....พิจารณา
โดยหวังว่านำมาซึ่งความสุขทุกสถานฝันที่เป็นจริงสิ่งต้องมี..นี้เงินตรา
อยากนำพาชีวาเป็นเศรษฐีจำต้องมี อุ อา กะ สะ นะสหาย....................
@@@@@@@@@@
อุ อา กะ สะ แปลว่า ขยันหา,รักษาดี, มีกัลญาณมิตร,ใช้ชิวิตพอเพียง
อุ แปลว่า อุสาหะ มีความขยันหมั่นเพียร มานะพยายามไม่มีความยอท้อ
มีใจแข็งแกร่ง มีความสามารถสูงในการเผชิญความยากลำบาก...
อา หมายความว่า อารักขา มีความสามารถในการรักษาทรัพย์ที่หามาได้
ใช้ทรัพย์ ได้อย่างคุ้มค่า มีความสุขจากการใช้ทรัพย์ที่หามาได้...
กะ หมายความว่า มีกัลญาณมิตรที่ดี มีมิตรแท้ที่ยินดีด้วยเมื่อเห็นเราได้
ดี เต็มใจช่วยเหลือและช่วยเหลืออย่างจริงจัง จริงใจเมื่อเราตกต่ำ...
สะ แปลว่า สะปะริวารามิ ใช้ชีวิตอย่างสมาถะใช้วิตอย่างพอเพียง
ใช้ชิวิตอย่างเข้าใจความจริง รู้สถานะตัวเอง
****************** By สุด เมืองสสีนุ่น *************************

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก

รวมสาระที่มีประโชน์

รูปภาพของฉัน
RORMYEN ร่มเย็น RORMYEN โดย สุดเมืองสีนุ่น เขียนขึ้นเพื่อเผยแพร่ ความคิดเห็นของผม บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูง บริษัท กูเกิ้ลดอทคอม ที่ให้พื้นที่แสดงความคิดเห็น